แจกสูตร ขนมโบราณ ของชาวไทยที่มีมาช้านาน

ขนมโบราณ

ขนมโบราณ เป็นขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มักมีขั้นตอนการทำที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน ขนมโบราณมักใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น แป้ง กะทิ น้ำตาล มะพร้าว ถั่ว และผลไม้ จึงทำให้ขนมโบราณมีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ขนมโบราณ นั้นสันนิษฐานว่ามาจากวัฒนธรรมการกินของชาวไทยในสมัยโบราณ ที่มักนิยมรับประทานอาหารที่มีรสหวาน เพื่อเพิ่มความสดชื่นและบำรุงร่างกาย ขนมโบราณจึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นขนมหวานสำหรับรับประทานในโอกาสต่างๆ เช่น งานมงคล งานบุญ งานพิธีต่างๆ

ขนมโบราณที่นิยมรับประทานกันทั่วไป มีหลายชนิด

ทองหยิบ

ทองหยิบ

ภาพจาก : https://www.pholfoodmafia.com/

ทองหยิบเป็น ขนมไทยโบราณ มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ คล้ายทองคำ ได้จากการนำไข่แดงตีจนฟูแล้วนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อมเดือด เมื่อสุกแล้วจึงนำมาจับจีบ ใส่ถ้วยตะไล ทองหยิบเป็นขนมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน มักใช้เป็นของหวานในงานมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส งานขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ

วิธีทำทองหยิบ มีดังนี้

ส่วนผสม

-ไข่แดง 10 ฟอง

-น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม

-น้ำเปล่า 800 มิลลิลิตร

-น้ำลอยดอกมะลิ 100 มิลลิลิตร

-ใบเตย 1 ใบ

วิธีทำ

1.ตั้งกระทะทองเหลืองใส่น้ำเปล่าและน้ำตาลทราย ยกขึ้นตั้งไฟกลาง คนจนน้ำตาลละลาย ปิดไฟ พักไว้จนเย็น

2.กรองไข่แดงด้วยผ้าขาวบาง ตีไข่แดงด้วยเครื่องตีไข่จนฟู ใส่น้ำลอยดอกมะลิและใบเตยลงไป ตีต่อจนฟูเป็นเนื้อเดียวกัน

3.ตั้งกระทะทองเหลืองใส่น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง รอจนน้ำเชื่อมเดือด

4.ใช้ช้อนตักไข่แดงที่ตีไว้หยอดลงในน้ำเชื่อม รอจนไข่แดงสุกฟู กลับด้าน รอจนสุกทั่วดี แล้วตักขึ้นพักไว้ 5.จับจีบทองหยิบใส่ถ้วยตะไล รับประทานคู่กับน้ำเชื่อม หรือน้ำลอยดอกมะลิ

ฝอยทอง

ฝอยทอง

ภาพจาก : https://jamemy.home.blog/

ฝอยทองเป็นขนมไทยโบราณ มีลักษณะเป็นเส้นฝอยสีทอง ได้จากการนำไข่แดงตีจนฟูแล้วนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อมเดือด เมื่อสุกแล้วจึงนำมาล้างในน้ำเชื่อมใส แล้วขึ้นรูปทรงตามชอบ ฝอยทองเป็นขนมที่มีรสชาติอร่อย หวานหอม นิยมรับประทานคู่กับน้ำเชื่อมหรือน้ำลอยดอกมะลิ

วิธีทำฝอยทอง มีดังนี้

ส่วนผสม

-ไข่แดง 10 ฟอง

-น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม

-น้ำเปล่า 800 มิลลิลิตร

-น้ำลอยดอกมะลิ 100 มิลลิลิตร

-กลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1.ตั้งกระทะทองเหลืองใส่น้ำเปล่าและน้ำตาลทราย ยกขึ้นตั้งไฟกลาง คนจนน้ำตาลละลาย ปิดไฟ พักไว้จนเย็น

2.กรองไข่แดงด้วยผ้าขาวบาง ตีไข่แดงด้วยเครื่องตีไข่จนฟู ใส่น้ำลอยดอกมะลิและกลิ่นมะลิลงไป ตีต่อจนฟูเป็นเนื้อเดียวกัน

3.ตั้งกระทะทองเหลืองใส่น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง รอจนน้ำเชื่อมเดือด

4.ใช้กรวยใบตอง หรือช้อนตักไข่แดงที่ตีไว้หยอดลงในน้ำเชื่อม รอจนไข่แดงสุก กลับด้าน รอจนสุกทั่วดี แล้วตักขึ้นล้างในน้ำเชื่อมใส

5.ขึ้นรูปฝอยทองตามชอบ รับประทานคู่กับน้ำเชื่อม หรือน้ำลอยดอกมะลิ

ขนมชั้น

ขนมชั้น

ภาพจาก : https://www.makro.co.th/

ขนมชั้นเป็นขนมไทยโบราณ มีลักษณะเป็นชั้นๆ คล้ายเค้ก ได้จากการนำแป้งมัน แป้งข้าวเจ้า และแป้งท้าวยายม่อม ผสมกับน้ำตาลทราย กะทิ และเกลือ แล้วนำไปนึ่งจนสุกเป็นชั้นๆ ขนมชั้นมีรสชาติอร่อย หวานมัน นิยมรับประทานคู่กับน้ำเชื่อมหรือน้ำลอยดอกมะลิ

วิธีทำขนมชั้น มีดังนี้

ส่วนผสม

-แป้งมัน 2 ถ้วย

-แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย

-แป้งท้าวยายม่อม 1/4 ถ้วย

-น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย

-น้ำตาลทราย 3 1/2 ถ้วย

-หัวกะทิ 3 ถ้วย

-สีผสมอาหาร หรือน้ำใบเตยคั้น 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.ผสมแป้งมัน แป้งข้าวเจ้า และแป้งท้าวยายม่อม เข้าด้วยกัน ใส่น้ำลอยดอกมะลิ น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากัน พักไว้

2.แบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน ใส่สีผสมอาหาร หรือน้ำใบเตยคั้นตามชอบ

3.ตั้งหม้อนึ่ง นึ่งน้ำเดือดจัด

4.เทแป้งชั้นสีแรกลงไปในลังถึง นึ่งประมาณ 5 นาที

5.เทแป้งชั้นสีที่สองลงไป นึ่งประมาณ 5 นาที

6.ทำซ้ำจนครบทุกชั้น

7.เมื่อนึ่งครบทุกชั้นแล้ว ปิดไฟ นึ่งต่อประมาณ 10 นาที เพื่อให้ขนมชั้นสุกทั่วดี

8.นำขนมชั้นออกจากลังถึง พักให้เย็น ตัดเป็นชิ้นๆ รับประทานคู่กับน้ำเชื่อม หรือน้ำลอยดอกมะลิ

9.ขนมหม้อแกง เป็นขนมไทยโบราณที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า กะทิ และน้ำตาล มีลักษณะเป็นถ้วยเล็กๆ ขนมหม้อแกงมีรสชาติหวานหอม

ขนมเบื้อง

ขนมเบื้อง

ภาพจาก : https://sites.google.com/

ขนมเบื้องเป็นขนมไทยโบราณ มีลักษณะเป็นแผ่นแป้งบางๆ ทอดกรอบ ใส่ไส้ต่างๆ เช่น ฝอยทอง มะพร้าวอ่อน กุ้งแห้ง หมูหยอง ฯลฯ ขนมเบื้องเป็นขนมที่มีรสชาติอร่อย หอมหวาน นิยมรับประทานเป็นของว่างหรืออาหารเช้า

วิธีทำขนมเบื้อง มีดังนี้

ส่วนผสม

-แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย

-แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วย

-แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย

-ไข่แดง 2 ฟอง

-น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย

-น้ำปูนใส 2 ถ้วย

-เกลือ 1/2 ช้อนชา

-น้ำมันพืชสำหรับทอด

-ไส้ต่างๆ ตามชอบ

วิธีทำ

1.ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งถั่วเขียว และแป้งสาลีอเนกประสงค์ เข้าด้วยกัน ใส่ไข่แดง น้ำตาลปี๊บ เกลือ และน้ำปูนใส คนให้เข้ากัน พักไว้

2.ตั้งกระทะทอด ใส่น้ำมันพืชให้ท่วม

3.เทแป้งใส่กระทะ เกลี่ยให้ทั่ว

4.ทอดจนแป้งสุกเหลืองกรอบ กลับด้านทอดอีกด้านให้สุกเหลืองกรอบเช่นกัน

5.ตักขนมเบื้องออกจากกระทะ พักให้สะเด็ดน้ำมัน

6.ใส่ไส้ต่างๆ ลงไปตรงกลางขนมเบื้อง

7.ม้วนขนมเบื้องตามชอบ

8.รับประทานคู่กับน้ำจิ้มต่างๆ เช่น น้ำจิ้มมะขาม น้ำจิ้มหวาน ฯลฯ

ขนมเปียกปูน

ขนมเปียกปูน

ภาพจาก : https://cooking.kapook.com/

ขนมเปียกปูนเป็นขนมไทยโบราณ มีลักษณะเป็นแผ่นแป้งสีดำหรือสีเขียว นุ่มเหนียว ราดน้ำกะทิ และโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด ขนมเปียกปูนเป็นขนมที่มีรสชาติอร่อย หอมหวาน นิยมรับประทานเป็นของว่างหรือของหวาน

วิธีทำขนมเปียกปูน มีดังนี้

ส่วนผสม

-แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย

-แป้งท้าวยายม่อม 1/2 ถ้วย

-น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย

-น้ำปูนใส 2 ถ้วย

-น้ำใบเตยคั้น 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับขนมเปียกปูนสีเขียว)

-กะทิ 2 ถ้วย

-เกลือ 1/2 ช้อนชา

-มะพร้าวขูดสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

1.ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม น้ำตาลปี๊บ และน้ำปูนใส เข้าด้วยกัน พักไว้

2.ใส่น้ำใบเตยคั้นลงไปในส่วนผสมแป้ง คนให้เข้ากัน พักไว้

3.ตั้งกระทะทองเหลืองหรือกระทะเทฟลอน ใส่กะทิและเกลือ คนให้ละลาย ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน

4.ใส่แป้งที่เตรียมไว้ลงไปทีละน้อย คนให้เข้ากันจนแป้งสุกเหนียว

5.เทแป้งใส่ถาด เกลี่ยให้ทั่ว

6.พักให้ขนมเปียกปูนเย็นตัวลง

7.ตัดขนมเปียกปูนเป็นชิ้นๆ

8.โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด

9.รับประทานคู่กับน้ำกะทิ

ขนมโบราณเหล่านี้มักมีขั้นตอนการทำที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน ต้องใช้ความชำนาญและความประณีตในการทำ จึงทำให้ขนมโบราณมีคุณค่าทางวัฒนธรรมและควรอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่สืบไป ขนมโบราณได้รับความนิยม จากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากมีรสชาติอร่อยและมีความงดงาม ขนมโบราณจึงถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรอนุรักษ์ไว้

เครดิต : thaifoodshub.com

อ่านอาหารเพิ่มเติม : เมนูอาหารเย็น